CEO Talk : สุนทรพันธ์ เดชะเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปอโยต์ ประเทศไทย
สุนทรพันธ์ เดชะเทศ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
เปอโยต์ ประเทศไทย
เปอโยต์...การกลับมาของราชสีห์
ภายใต้คอนเซ็ปต์ Be
Your First European Car
เปอโยต์ ประเทศไทย
เปอโยต์...การกลับมาของราชสีห์
ภายใต้คอนเซ็ปต์ Be
Your First European Car
“เปอโยต์จะไม่ใช่แบรนด์รถยนต์ที่หยุดนิ่งเพียงแค่เข้ามาในตลาดแล้วก็หายไป แต่เราจะพัฒนา ปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทั้งคุณภาพสินค้า งานบริการหลังการขาย การขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าอีกด้วย รวมถึงเน้นการนำเสนอสินค้าคุณภาพยุโรป แต่เป็นราคาที่ผู้บริโภคสามารถจับต้องได้ และเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ Be Your First European Car”
เปอโยต์
เป็นแบรนด์รถยนต์จากฝรั่งเศสที่มีประวัติความเป็นมายาวนานถึง 211 ปี ก่อตั้งโดย Mr.Armand
Peugeot ในปี ค.ศ.1810 เริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัวในฐานะโรงงานผลิตจักรยานและโรงงานกาแฟ
ตระกูลเปอโยต์เริ่มผลิตใบเหล็กใบเลื่อย เครื่องบดกาแฟ เครื่องบดพริกไทยและเกลือ
เรื่อยไปจนก้าวเข้าสู่การอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างเต็มรูปแบบ
ด้วยรูปลักษณ์ และรูปทรงที่มีความโดดเด่น
มีเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น ทำให้เปอโยต์กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ยอดนิยม
และประสบความสำเร็จมากที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก
ซึ่งได้มีการพัฒนารถยนต์มาอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของดีไซน์ เทคโนโลยีต่างๆ
และคุณภาพของรถยนต์
จึงนับได้ว่าเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดในโลก
การเงินธนาคาร ได้สัมภาษณ์ สุนทรพันธ์
เดชะเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปอโยต์ ประเทศไทย
ถึงการกลับมาทำธุรกิจในประเทศไทยของแบรนด์เปอโยต์อย่างเป็นทางการรวมถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในอนาคต
และความท้าทายที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยที่ขึ้นชื่อว่าเป็น
“ตลาดปราบเซียน” แห่งตลาดยานยนต์โลก
MGC-ASIA พร้อมดัน
“ราชสีห์”
กลับมาอวดโฉมบนท้องถนนในไทย
เปอโยต์เริ่มเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยครั้งแรกปี
พ.ศ.2515 หรือแล่นฉิวอยู่บนท้องถนนเมืองไทยมาเกือบ 50 ปีแล้ว
แต่การทำตลาดของเปอโยต์ในยุคนั้นมาจากผู้นำเข้าอิสระ ซึ่ง สุนทรพันธ์เล่าว่า
ทำให้มีข้อจำกัดนั่นก็คือ
เปอโยต์เป็นรถยนต์เฉพาะกลุ่มที่ยังไม่ได้โดดเด่นมากเท่ารถยนต์สัญชาติยุโรปแบรนด์อื่นๆ
ที่เข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการ
แบรนด์เปอโยต์ในประเทศไทย
มักเป็นที่รู้จักในกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) กลุ่มเจนเอ็กซ์ (Gen X) ต้นๆ
เนื่องจากสมัยก่อนรถยนต์เปอโยต์ได้รับความนิยมด้วยกันหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นเปอโยต์
505 หรือเปอโยต์ 405 ด้วยเอกลักษณ์ในเรื่องการดีไซน์
ที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาตั้งแต่อดีต
บวกกับสมรรถนะของตัวรถที่มีความสมดุลช่วงล่างที่ยึดเกาะถนน ทำให้แบรนด์เป็นที่สร้างความประทับใจคนไทยในอดีตมาไม่น้อย
“ปัจจุบันแบรนด์เปอโยต์เป็นที่คุ้นชินมากขึ้นจากการที่บริษัท
MGC-ASIA
ได้นำกลับมาทำการตลาดในไทยอีกครั้ง”
สุนทรพันธ์ขยายความว่า กลุ่มบริษัท MGC-ASIA
ได้สิทธิ์ในการดูแลแบรนด์รถยนต์เปอโยต์ตั้งแต่ปี 2562
เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ภายใต้การบริหารงานของ
บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล จำกัดเริ่มเปิดตัวด้วยรถยนต์เปอโยต์กลุ่ม SUV
(Sport Utility Vehicle) ซึ่งเป็นกลุ่มรถประเภทที่มีความอเนกประสงค์
มีประโยชน์ใช้สอยมากกว่ารถยนต์ทั่วๆ ไปแต่ยังคงความสวยงาม หรือตั้งอยู่บนพื้นฐานของรถยนต์นั่งทั่วไป
สิ่งที่แตกต่างที่เพิ่มเข้ามาคือ
ความสมบุกสมบันที่ลุยได้มากกว่ารถยนต์ทั่วไป
หรือสามารถบรรทุกสัมภาระในการเดินทางได้มากขึ้น รวมไปถึงเทคโนโลยี
และสิ่งอำนวยความสะดวกสบายที่ครบครัน โดยส่วนใหญ่แล้ว SUV
จะมาในรูปแบบ 5-7 ที่นั่ง
“ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์เปอโยต์ในแบบของฝรั่งเศสแท้ๆ
จึงไม่ใช่เรื่องยาก ที่จะสามารถครองใจคนไทย
และทำให้เปอโยต์กลับมาเป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งขยายเครือข่ายโชว์รูม
และศูนย์บริการเพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งกระแสตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทย
เป็นไปในทิศทางที่ดีตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา”
ในปี 2564 เปอโยต์เปิดตัวรถยนต์ตัวใหม่
เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ได้แก่ เปอโยต์
3008
SUV 5 ที่นั่ง และ เปอโยต์ 5008 SUV 7
ที่นั่งโฉมใหม่ ที่มาเจาะตลาด C-SUV รวมไปถึงรถยนต์ที่
เปอโยต์ 2008 SUV ที่มาเจาะตลาด B-SUV ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ของตลาดยานยนต์ประเทศไทยซึ่งจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้อีกด้วย
บุกตลาดรถ SUV ตั้งเป้าสิ้นปี
64 ยอดขาย 500 คัน
สุนทรพันธ์กล่าวว่า
ในอดีตคนส่วนใหญ่มักจะมีภาพจำเกี่ยวกับเปอโยต์ที่เป็นรถยนต์ซีดาน (Sedan)
แต่เหตุผลที่ในปัจจุบันเปอโยต์เลือกกลับมาทำตลาดในกลุ่มรถ SUV
เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของคนไทยเริ่มนิยมรถยนต์ที่มีความอเนกประสงค์สูง
นั่งได้หลายคน ห้องโดยสารกว้างขวาง
รวมถึงสามารถบรรทุกสัมภาระขับได้ทุกสภาพพื้นผิวถนนดังนั้น รถในกลุ่ม SUV จึงตอบโจทย์ความต้องการของตลาดยานยนต์ในปัจจุบัน อีกทั้ง เปอโยต์ 3008
และเปอโยต์ 5008 ก็ยังคงได้รับความนิยมสูงในต่างประเทศ
“ตลาดรถกลุ่ม SUV
ในประเทศไทยมีการแข่งขันสูงมาก รถในกลุ่ม C-SUV มียอดขายประมาณ 20,000 คันต่อปี และกลุ่ม B-SUV ที่มียอดขายสูงถึงประมาณ
45,000 คันต่อปี แบรนด์ที่ครองตลาดในปัจจุบันคือ
ค่ายรถญี่ปุ่นด้วยราคาที่สามารถจับต้องได้ ซึ่งถือเป็นความท้าทายของเปอโยต์”
สำหรับการกลับมาของราชสีห์ “เปอโยต์”
ได้วางเป้าหมายว่า ในขั้นแรกจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดหรือมาร์เก็ตแชร์ของรถในกลุ่ม SUV
ที่สัดส่วน 3% ภายในสิ้นปี 2564 หรือประมาณ 500 คัน
ด้วยการใช้กลยุทธ์สร้างการยอมรับและการรับรู้จากผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่
และกลุ่มเจน Y เนื่องจากเป็นกลุ่มที่อยู่ในวัยทำงานและเริ่มมีกำลังซื้อ
อย่างไรก็ตาม สุนทรพันธ์บอกว่า
เปอโยต์จะไม่ทิ้งลูกค้าหลักที่เป็นคนในกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ และกลุ่มเจน X
ต้นๆ ประกอบกับการทำราคาของรถ Peugeot 3008
และ Peugeot 5008
ให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับแบรนด์รถญี่ปุ่น เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้
นอกจากเปอโยต์จะใช้กลยุทธ์ทางการตลาดด้วยการสร้างการยอมรับและสร้างการรับรู้ในแบรนด์แล้ว
รถยนต์ที่จะนำเข้ามาทำตลาดในไทยก็ต้องเป็นรถที่มีคุณภาพสูงเหมาะสมกับราคา
ทั้งในด้านการดีไซน์และสมรรถนะที่ดี
“เปอโยต์จะยกระดับเป็นยนตรกรรมอเนกประสงค์สำหรับคนทุกคนอย่างแท้จริงและเป็นไปตามมาตรฐานสากล
รวมถึงการออกแบบอย่างพิถีพิถันตามสไตล์ฝรั่งเศส
ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าที่มีความทันสมัย หลงใหลในดีไซน์ที่สวยงาม
และต้องการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น
และยังคงแฝงไปด้วยความหรูหราตามสไตล์รถยนต์จากยุโรป”
ด้วยคุณลักษณะเฉพาะตัวที่โดดเด่นของเปอโยต์
ทำให้ เปอโยต์ 3008
ซึ่งเป็นหนึ่งในรุ่นที่กำลังทำตลาดอยู่ในปัจจุบันได้รับการการันตีด้วยรางวัลการออกแบบยอดเยี่ยมหลายรางวัลระดับนานาชาติ
อาทิ Red
Dot Design Award ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติด้านการออกแบบ
รวมถึงรางวัลที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และล่าสุดกับตำแหน่ง SUV
ยอดเยี่ยม พิกัดไม่เกิน 1,800 ซีซี หรือ ‘BEST PETROL SUV UNDER
1,800 cc’ จาก บริษัท กรังด์ปรีซ์
อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) อีกด้วย
ลุยขยายศูนย์บริการ
เปิดตัวรถรุ่นใหม่ปีละ 1 รุ่น
สุนทรพันธ์กล่าวถึงภาพรวมตลาดยานยนต์ไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี
2021 ว่า ยังคงเติบโตกว่าช่วงเวลาเดียวกับของปี 2020 ถึง 11% ด้วยอานิสงส์จากมาตรการควบคุมด้านสาธารณสุขของประเทศไทยในปีที่ผ่านมา
ทำให้สามารถจัดงานแสดงสินค้า Motor Expo ในเดือนธันวาคมปี
2020 และงานแสดงสินค้า Bangkok International Motor Show ในเดือนเมษายนปี
2021 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา
ส่งผลให้การซื้อรถยนต์ใหม่เริ่มหดตัวละกว่าปีที่ผ่านมาถึง11.6%
ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
และมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดจนถึงเดือนสิงหาคม
ทั้งนี้
จากมาตรการผ่อนคลายการควบคุมด้านสาธรณสุขในเดือนกันยายน และแผนการเปิดประเทศในไตรมาสที่
4 คาดว่าจะช่วยส่งผลให้ความมั่นใจของผู้บริโภคกลับคืนมา
ประกอบกับค่ายรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นค่ายญี่ปุ่นหรือยุโรปก็ตาม
มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และมีการกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง
จึงคาดว่าตลาดรถยนต์กลับมาเติบโตได้ใน ไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
สุนทรพันธ์กล่าวเพิ่มเติมว่า
ในส่วนของเปอโยต์นั้น สามารถรักษาระดับยอดขาย 25 คันในเดือนสิงหาคม 2564
ซึ่งเติบโตขึ้นกว่า 92% จากเดือนกรกฎาคมที่มียอดขาย 13 คัน
เนื่องจากความคุ้มค่าของผลิตภัณฑ์เปอโยต์และการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งในปัจจุบัน
ห้างสรรพสินค้าสามารถกลับมาเปิดได้แล้ว
ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสให้เปอโยต์สามารถนำรถยนต์ไปโชว์ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ได้
เพิ่มช่องทางการรับรู้ให้ผู้บริโภคได้กว้างขวางขึ้น
จากสถานการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าตลาดยานยนต์ในประเทศไทยเริ่มกลับมาคึกคักจึงถือเป็นโอกาสให้เปอโยต์
เร่งรุกตลาดได้อีกครั้ง นอกจากนี้
ในอนาคตเปอโยต์มีแผนจะขยายศูนย์บริการมาตรฐานให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
โดยวางแผนไว้ว่าจะต้องมีศูนย์ให้บริการมาตรฐานเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีเพียง 5
ศูนย์บริการเพิ่มเป็น 25 ศูนย์บริการภายในสิ้นปี 2565
“สำหรับคนไทยนั้น
นอกจากเรื่องคุณภาพของรถแล้ว ศูนย์บริการก็นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่คนไทยให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการเลือกซื้อรถ
ดังนั้น
การขยายศูนย์บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศก็ถือเป็นอีกปัจจัยที่จะทำให้ลูกค้ามีความไว้วางใจและขยายการรับรู้เกี่ยวกับเปอโยต์ออกไปได้มากขึ้น”
อ้าแขนรับผู้สนใจ
ลงทุนร่วมกับเปอโยต์เปิดศูนย์บริการ
ด้านแผนการขยายศูนย์บริการของเปอโยต์นั้นจะแบ่งเป็น
2 ส่วน ส่วนแรกคือศูนย์บริการจากเปอโยต์ประเทศไทยเอง ส่วนที่สองคือ
เปอโยต์ได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจมาลงทุนร่วมกับเปอโยต์ในการเปิดศูนย์บริการได้
สำหรับเปอโยต์ประเทศไทยในปัจจุบันเป็นหนึ่งในเครือของกลุ่มบริษัท MGC-ASIA
ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
ตั้งแต่แบรนด์รถยนต์ทั่วไปไปจนถึงระดับ Ultra Luxury อาทิ Bmw
Mini Maserati Aston Martin และ Rolls-Royce
ดังนั้น ผู้ที่มาลงทุนทำธุรกิจเป็นผู้จัด
จำหน่ายกับเปอโยต์
จึงมีโอกาสในการเข้าถึงรถยนต์แบรนด์อื่นๆ ในเครือของ Stellantis
ด้วยเช่นกัน
รวมถึงยังมีโอกาสในอนาคตที่อาจจะได้เป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์อื่นๆ
ที่ยังไม่มีการจัดจำหน่ายในประเทศไทยอีกด้วยเนื่องจากกลุ่มบริษัท Stellantis
ได้รับการพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งด้านการทำตลาดรถยนต์ในประเทศไทยแล้ว
ดังนั้น จึงมีความได้เปรียบในเรื่องของโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้มากกว่า
ด้านผลิตภัณฑ์รถยนต์
เปอโยต์เองก็มีแผนขยายตลาด โดยการเปิดตัวรุ่นใหม่ในประเทศไทยอย่างน้อยปีละ 1
รุ่นต่อจากปี 2564 ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ในกลุ่ม Pick-Up
หรือรถกระบะ ซึ่งถือเป็นการกลับมาของรถยนต์ Pick-Up จากยุโรปเจ้าเดียวในตลาดยานยนต์ไทย รวมทั้งรถตู้เปอโยต์
และรถยนต์นั่งเปอโยต์ที่จะทำให้การเป็นเจ้าของยนตรกรรมจากประเทศฝรั่งเศสในราคาที่จับต้องได้
เช่นเดียวกับที่เปอโยต์ทำมาตลอดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสของผู้บริโภคไทยอีกครั้งที่จะได้เข้าถึงรถยนต์จากฝั่งยุโรปในราคาที่จับต้องได้ในทุก
Segment ของรถยนต์
สุนทรพันธ์ทิ้งท้ายว่า “เปอโยต์จะไม่ใช่แบรนด์รถยนต์ที่หยุดนิ่งเพียงแค่เข้ามาในตลาดแล้วหายไป แต่เราจะพัฒนา ปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทั้งในแง่ของคุณภาพสินค้า งานบริการหลังการขาย รวมไปถึงการขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าอีกด้วย รวมถึงเน้นการนำเสนอสินค้าคุณภาพยุโรป แต่เป็นราคาที่ผู้บริโภคสามารถจับต้องได้ และเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ Be Your First European C
ติดตามคอลัมน์ CEO Talk ได้ในวารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2564 ฉบับที่ 475
ในรูปแบบดิจิทัล : https://goo.gl/U6OnIi
รวมช่องทางการสั่งซื้อวารสารการเงินธนาคาร ทั้งฉบับปัจจุบันและฉบับย้อนหลัง ครบจบที่นี้ที่เดียว : https://bit.ly/3bQdHgt