หุ้นเทคสาย Value กับสาย Growth เลือกลงทุนให้เหมาะสมกับตัวเอง
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีคือเซคเตอร์ที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนมาอย่างยาวนานหลายปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลตอบแทนที่สามารถเอาชนะสินทรัพย์ประเภทอื่นได้อย่างขาดลอยในช่วงที่ผ่านมารวมถึงการเป็นธุรกิจที่อยู่ในกระแสข่าวตลอดเวลา ไม่ว่าสภาวะเศรษฐกิจและตลาดจะเป็นอย่างไรนักลงทุนจะมองหาหุ้นกลุ่มนี้ในการลงทุนรวมถึงเก็งกำไรเสมอ
อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มดังกล่าวสามารถที่จะแยกออกมาได้สองประเภทคือหุ้นเทคสาย Value และสาย Growth ซึ่งทั้งสองสายมีความแตกต่างกันและนักลงทุนต้องเลือกหุ้นที่จะลงทุนให้เข้ากับสไตล์ของตัวเอง
หุ้นเทคสาย Value ในนิยามของผมก็คือบริษัททางด้านเทคโนโลยีที่ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนานต่อเนื่อง มีความเป็นผู้นำในตลาดและมีผลประกอบการที่มีกำไรในตัวเองแล้ว ถ้าจะให้ยกตัวอย่างก็คือหุ้นที่เราคุ้นเคยกันดีอย่างเช่น APPLE MICROSOFT ALPHABET META พวกนี้ทำธุรกิจที่ไม่ได้มีนวัตรกรรมอะไรที่ใหม่จนน่าตื่นเต้นอีก
โดยเฉพาะหุ้น APPLE ได้กลายมาเป็นหุ้นหลักในพอร์ตของ Warren Buffet มานานหลายปี แม้ว่าเขาเองจะไม่ชำนาญการวิเคราะห์ในเทคโนโลยีแต่การที่ Warren Buffet ตัดสินใจลงทุนในหุ้น APPLE ก็เพราะการที่มีแบรนด์และโปรดักต์ที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าไอโฟนจะออกมากี่รุ่น จะมีคนวิจารณ์ทางลบมากเท่าไรแต่ยอดขายไม่เคยตกลง
กล่าวคือหุ้นเทคสายแวลูคือบริษัทที่มีความแข็งแกร่งในเชิงธุรกิจและยังมีอัตราการเติบโตอยู่แม้ว่าจะไม่หวือหวา เหมาะสมกับนักลงทุนที่ต้องการรับความเสี่ยงไม่สูงมากเพราะราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวไม่หวือหวามากนักและมักจะเคลื่อนตัวตามภาวะเศรษฐกิจ
ขณะที่หุ้นเทคสาย Growth มีความแตกต่างออกไปจากสายแวลู แม้จะเป็นบริษัทเทคโนโลยีเหมือนกันแต่ยังเป็นกิจการที่เพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน ยังไม่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับบริษัทชั้นนำ แต่ดำเนินธุรกิจที่กำลังอยู่ในแนวโน้มหลักหรือเมกะเทรนด์ซึ่งกำลังจะเข้ามา Disrupt ธุรกิจแบบดั้งเดิม
ตัวอย่างของหุ้นในสายนี้ก็คือหุ้นในกลุ่มที่ Ark Invest บริษัทจัดการลงทุนชื่อดังเข้าลงทุนไม่ว่าจะเป็น TESLA ZOOM TELEDOC COINBASE ฯลฯ ซึ่งอาจจะเป็นธุรกิจที่มีนวัตรกรรมเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า การแพทย์ดิจิทัล บล็อกเชน กัญชา ฯลฯ
จุดเด่นของเทคโนโลยีเหล่านี้คืออัตราการเติบโตจะอยู่ในระดับสูงเนื่องจากเป็นนวัตรกรรมใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นยังมีความต้องการใช้งานอีกมาก สามารถที่จะคาดหวังการเติบโตในระดับเลขสามหลักได้เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามหุ้นในกลุ่มนี้มีความอ่อนไหวและผันผวนสูง เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้ยังไม่มีความแน่นอน บางบริษัทอาจจะยังไม่มีผลกำไรด้วยซ้ำและถ้าหากเทคโนโลยีที่บริษัทเหล่านี้ถือครองเปลี่ยนแปลงในเชิงลบเช่นมีเทคโนโลยีใหม่ที่ดีกว่า ราคาหุ้นอาจจะติดลบได้อย่างหนัก
ผู้ที่จะลงทุนในหุ้นเทคสาย Growth อาจจะต้องรับความเสี่ยงได้สูง มีความเข้าใจในเทคโนโลยีใหม่ๆและติดตามข่าวสารบทวิเคราะห์เชิงลึกอย่างต่อเนื่อง เพราะผลประกอบการมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วกว่าหุ้นเทคในสายแวลู
สุดท้ายแล้วสิ่งที่นักลงทุนคาดหวังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีไม่ว่าจะสาย Value หรือสาย Growth ก็คืออัตราการเติบโตของผู้ใช้งานที่ถูกคาดหวังว่าจะต้องเพิ่มขึ้นในทุกๆไตรมาส ถ้าหากอัตราการเติบโตลดลงขณะที่ความคาดหวังของนักลงทุนยังอยู่ในระดับสูงก็อาจทำให้เสียหายจากการลงทุนได้เช่นกัน