WEALTH • INSURANCE

ประกันสุขภาพ-ยูนิต ลิงค์ บุกตลาดปีเสือ รับมือค่ารักษาแพง-อัตราดอกเบี้ยขาลง

ประกันชีวิต คาดการณ์ปี 2565 ประกันสุขภาพยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังวิกฤติโควิดกระตุ้นให้ตระหนักถึงการวางแผนบริหารค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาล ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นทุกปี ตามมาด้วย ยูนิต ลิงค์ หวังสร้างเงินออมและเพิ่มความมั่งคั่งรับมืออัตราดอกเบี้ยลดลง

จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ประกันสุขภาพมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้คนเริ่มตระหนักและเห็นถึงความสำคัญของการทำประกันสุขภาพ ที่จะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลได้ โดยในปี 2565 แบบประกันที่ผู้บริโภคจะให้ความสนใจ จะเป็นแบบประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง เพื่อวางแผนบริหารค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ และประกันชีวิตควบการลงทุน เพื่อการออมเงินและเพิ่มความมั่งคั่งจากการลงทุน

 

ส่งสุขภาพ-โรคร้ายแรง ลุยตลาด

นายเดวิด โครูนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับในปี 2565 ประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง จะเป็นแบบประกันที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ เนื่องจากต้องการวางแผนค่าใช้จ่ายเพื่อรองรับกับค่ารักษาพยาบาลที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงความวิตกกังวลจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นปัจจัยสำคัญที่ให้ผู้บริโภคเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันสุขภาพและโรคร้ายแรงมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ผู้ทำประกันยังสนใจในการวางแผนทางการเงินกับประกันชีวิต โดยแบบประกันที่สนใจคือ ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์ ) เนื่องจากสามารถวางแผนเพิ่มความมั่งคั่งได้ด้วยตนเอง

ดังนั้น บริษัทจึงได้นำเสนอแบบประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายอย่างต่อเนื่อง อาทิ OPD คุ้มครบ จบหายห่วง ที่ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ รับประกันตั้งแต่อายุ 11-75 ปี โดยให้ความคุ้มครองถึงอายุ 85 ปี รับผลประโยชน์ความคุ้มครองผู้ป่วยนอก (OPD) แบบเหมาจ่ายไม่มีลิมิตต่อครั้ง ประกันผู้ป่วยใน (IPD) เหมาจ่าย กรณีป่วยด้วยโรคร้ายแรงรับก้อน และเพิ่มผลประโยชน์ค่าห้องเป็น 2 เท่า อีกทั้งยังมีตรวจสุขภาพประจำปี ฉีดวัคซีน ตรวจสายตา ตั้งครรภ์ คลอดบุตร เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอ แผนประกันโรคร้ายแรง ซีไอ ฟิวเจอร์ ที่ให้ความคุ้มครองโรคร้ายแรง ครอบคลุมการเจ็บป่วยหนักจากทุกสาเหตุ และต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน แบบไม่จำกัด ชื่อโรคหรือกลุ่มโรค หมดกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึงพร้อมรับมือกับการใช้ชีวิตแบบ New Normal

โดยให้ความคุ้มครองเมื่อเป็นโรคชนิดใหม่ หรืออุบัติเหตุ รับเงินก้อน 50% ของทุนประกันเมื่อเข้ารักษาตัวในฐานะผู้ป่วยใน เมื่อตรวจพบ 50 โรคร้ายแรงรับเงินก้อน 20% ของทุนประกันภัยหากตรวจพบโรคร้ายแรงระยะเริ่มต้น และรับ 100% ของทุนประกันหากตรวจพบโรคร้ายแรงระยะร้ายแรง

ขณะเดียวกัน เมื่อเจ็บป่วย หรือประสบอุบัติเหตุ จะได้รับการรักษาในฐานะผู้ป่วยใน รวมถึงหากตรวจพบโรคร้ายแรงระยะเริ่มต้นและระยะรุนแรง รับความคุ้มครองสูงสุด 170% ของทุนประกันภัย กรณีมีการเคลมโรคร้ายแรงระยะเริ่มต้น และ/หรือเคลมการรักษาในฐานผู้ป่วยในไปแล้ว ผู้ทำประกันไม่ต้องจ่ายเบื้ยประกันในส่วนที่ได้เคลมไปแล้วในปีกรมธรรม์ถัดไป

นอกจากนี้ หากผู้ทำประกันต้องการวางแผนการออมเงินระยะยาวและเพิ่มความมั่งคั่งจากการลงทุน ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง บริษัทได้นำเสนอ แผนประกันชีวิตควบการลงทุน เอฟดับบลิวดี ฟอร์ ฟรีดอม ลิงค์ 15/5 ที่ผู้ทำประกันสามารถเลือกวางแผนและปรับเปลี่ยนการลงทุนได้ด้วยตนเอง สามารถกำหนดสัดส่วนความคุ้มครองชีวิต โดยเลือกความคุ้มครองชีวิตได้สูงสุดถึง 50 เท่า วางแผนพอร์ตลงทุนและสับเปลี่ยนกองทุนได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียม

อีกทั้งสามารถสร้างโอกาสในการลงทุนโดยชำระเบี้ยประกันเพิ่มพิเศษ (Top up) รวมถึงสามารถหยุดพักชำระเบี้ยประกันภัย หรือถอนเงินบางส่วนเมื่อจำเป็น นอกจากนี้ เมื่อสิ้นปีกรมธรรม์ที่ 5 จะได้รับโบนัสพิเศษ 2% ของเบี้ยประกันหลักที่ชำระมาแล้วทั้งหมด อีกทั้งยังรับประกันว่ากรมธรรม์มีความคุ้มครองชีวิตตลอดระยะเวลา 15 ปี เมื่อครบสัญญามีสิทธิ์ขอต่ออายุกรมธรรม์ได้ทุกๆ 15 ปี สูงสุดไม่เกินปีกรมธรรม์ที่อายุครบ 90 ปี

“การที่ผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ในอัตราที่ต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้คนหันมาสนใจออมเงินระยะและเพิ่มความมั่งคั่งผ่านประกันชีวิตกันมากขึ้นเพราะได้รับทั้งการป้องกันความเสี่ยงกับชีวิตหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น”

 

ประกันเจาะรายบุคคลมาแรง

นางสาวจิตต์เกษม สุรธรรมานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2565 แบบประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง และประกันชีวิตควบการลงทุน จะเป็นแบบประกันที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นทุกปีอย่างน้อยปีละ 10% ขณะที่ประกันชีวิตควบการลงทุนยังสามารถเพิ่มความมั่งคั่งและส่งเสริมการออมในระยะยาวได้อย่างเหมาะสมในภาวะอัตราดอกเบี้ยขาลงอย่างในปัจจุบัน

โดยในส่วนของการทำประกันสุขภาพ และโรคร้ายแรงนั้น ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากกระแสตื่นตัวจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจทำประกันชีวิตมากขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคก็เริ่มมีความกังวลใจเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในส่วนของค่ารักษาพยาบาลว่าจะสามารถให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมกับค่ารักษาพยาบาลที่ปรับตัวสูงขึ้นในอนาคตได้หรือไม่

นางสาวจิตต์เกษมกล่าวว่า จากความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้รูปแบบของประกันสุขภาพตั้งแต่ปี 2565 จะเปลี่ยนแปลงไปจากแบบประกันสุขภาพและโรคร้ายแรงที่ผ่านมา โดยจะมีรูปแบบที่เน้นให้ความคุ้มครองแบบเฉพาะบุคคลมากขึ้น พร้อมกับเปิดโอกาสให้ผู้ทำประกันสามารถเลือกความคุ้มครองความเสี่ยงตามความวิตกกังวลของตนเองได้

“เช่น นาย ก. มีความกังวลว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรือโรคสมอง ก็สามารถเลือกความคุ้มครองโรคที่ตนเองกังวลอย่างโรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรือโรคสมอง เท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องซื้อความคุ้มครอง 30 โรค หรือ 40 โรค จากแบบประกันที่คุ้มครอง 30 โรค หรือ 40 โรค“

จากเดิมที่แบบประกันสุขภาพหรือโรคร้ายแรง จะเป็นการเหมาจ่ายและคุ้มครองโรคร้ายแรงกว่า 30-40 โรคร้ายแรง ซึ่งอาจจะเป็นโรคที่ผู้ทำประกันไม่ต้องการให้คุ้มครองเนื่องจากมองว่าตนเองมีความเสี่ยงน้อย แต่ที่ผ่านมา แม้จะต้องการความคุ้มครองความเสี่ยงจากโรคร้ายแรงเพียงบางโรค เพื่อให้จ่ายเบี้ยประกันที่น้อยลง แต่ไม่สามารถเลือกความเสี่ยงได้ เนื่องจากแบประกันสุขภาพหรือโรคร้ายแรงในอดีตจะเป็นการจัดแพ็กเก็จให้กับผู้ทำประกันเรียบร้อยแล้ว

นางสาวจิตต์เกษมกล่าวว่า จาก Pain Point ของลูกค้าที่ต้องการเลือกความคุ้มครองได้ด้วยตนเอง เพื่อกำหนดเบี้ยประกันและวงเงินความคุ้มครองได้ด้วยตนเอง ตามกำลังซื้อของแต่ละคนเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมและตรงตามความต้องการของตนเองมากที่สุด ส่งผลให้ทิศทางของการพัฒนาแบบประกันสุขภาพและโรคร้ายแรงต่อจากนี้ไปจะมีความยืดหยุ่นและตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละรายมากขึ้น โดยผู้ทำประกัน 1 ราย สามารถเริ่มต้นวางแผนทางการเงินเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ด้วยตนเอง ดังนี้

       1. สำหรับมือใหม่ที่เริ่มต้นวางแผนทำประกันสุขภาพ ควรต้องเริ่มที่การทำประกันสุขภาพเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาแบบผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกให้เพียงพอ โดยเริ่มต้นที่ทุนประกันไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท ถึง 3 ล้านบาทต่อราย

       2. เมื่อได้รับความคุ้มครองจากแบบประกันสุขภาพหรือโรคร้ายแรงแล้ว อาจจะเริ่มกังวลเกี่ยวกับค่ารักษาที่อาจจะเกิดขึ้นกับตนเอง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคสมอง ผู้ทำประกันสามารถปิดความกังวลใจจากความเสี่ยงของโรคร้ายแรงต่างๆ เหล่านี้ได้ด้วยการทำประกันสุขภาพโรคร้ายแรง ที่เลือกความคุ้มครองความเสี่ยงของแต่ละโรค โดยจ่ายเบี้ยเฉพาะในส่วนของโรคที่ผู้ทำประกันมีความกังวล เพื่อช่วยประหยัดเบี้ย หรือหากยังมีความกังวลว่าจะได้รับความคุ้มครองที่ไม่ครอบคลุมก็สามารถทำประกันโรคร้ายแรงที่เหมาจ่ายทุกโรคได้ขึ้นอยู่กับกำลังซื้อของแต่ละคนเป็นหลัก

“การนำเสนอแบบประกันสุขภาพหรือโรคร้ายแรงในรูปแบบใหม่นี้ จะเห็นได้ว่าผู้ทำประกันสามารถ ที่จะบริหารความเสี่ยงและเลือกความคุ้มครองได้ด้วยตนเอง ตามกำลังซื้อของแต่ละคนได้ โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเบี้ยประกันสูงเกินกว่าความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต”

 

ตัวอย่าง การวางแผนทำประกันสุขภาพ สำหรับเพศหญิงอายุ 28-35 ปี

       1. สำหรับผู้ที่มีกำลังซื้อจำกัด โดยเป็นเพศหญิง อายุ 28 ปี สามารถวางแผนทำประกันชีวิตกับ เมืองไทย สมาร์ท โพรเทคชั่น 90/90 ทุนประกัน 200,000 บาท พร้อมทำประกันสุขภาพกับโครงการเหมาจ่าย เอ็กซ์ตร้า แผนความคุ้มครอง 500,000 บาท และสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพวงเงินแน่นอน (HB) วันละ 3,000 บาท

       2. สำหรับผู้ที่กำลังซื้อปานกลาง เพศหญิง อายุ 35 ปี สามารถทำประกันชีวิต เมืองไทย สมาร์ท โพรเทคชั่น 90/90 ทุนประกัน 200,000 บาท พร้อมทำสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพ ดี เฮลท์ แผนความคุ้มครอง 5 ล้านบาท และสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพวงเงินแน่นอน (HB) วันละ 3,000 บาท

        3. สำหรับผู้ที่กำลังซื้อสูง สำหรับเพศหญิงอายุ 35 ปี สามารถเลือกซื้อ เมืองไทย สมาร์ท โพรเทคชั่น 90/90 จำนวนเงินเอาประกันภัย 200,000 บาท พร้อมสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพ อีลิท เฮลท์ แผนความคุ้มครอง 20 ล้านบาท สัญญาเพิ่มเติม ซีไอ เพอร์เฟค แคร์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 1,000,000 บาท และสัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพวงเงินแน่นอน (HB) วันละ 4,000 บาท

ทั้งนี้ เมืองไทยประกันชีวิตยังมีแนวคิดในการที่จะอัพเกรด แบบประกันสุขภาพ อีลิท เฮลท์ ด้วย เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานประกันสุขภาพใหม่ รวมถึงแบบประกันสุขภาพหรือโรคร้ายแรงที่ผู้ทำประกันสามารถเลือกความคุ้มครองตามความเสี่ยงของตนเองได้ด้วย

ส่วนกลุ่มที่ต้องการออมเงินผ่านประกันชีวิต แบบประกันที่จะได้รับความสนใจจะเป็นแบบประกันชีวิตควบการลงทุน อย่าง ยูนิต ลิงค์ หรือยูนิเวอร์แซลไลฟ์ เพราะผู้ทำประกันสามารถเลือกกองทุนเพื่อเพิ่มความมั่งคั่งได้ตามระดับความเสี่ยงของตนเองได้ โดยยูนิตลิงค์ และยูนิเวอร์แซลไลฟ์ เป็นแบบประกันชีวิตที่เหมาะสำหรับการออมเงินและลงทุนกับประกันชีวิตในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลงได้เป็นอย่างดี

Related keywords:

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง