AWARDS • SET AWARDS

Best Asset Management Company Award รางวัลบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนยอดเยี่ยม

บทความโดย: Admin

ไม่มีใครอยากได้แค่กองทุนรวม ผู้ลงทุนอยากได้ ผลลัพธ์ของกองทุนรวมมากกว่าแต่ผลลัพธ์ที่ดีก็ต้องมาจากศักยภาพการบริหารจัดการที่ดีด้วยเช่นกันดังนั้น บลจ.กสิกรไทย จึงสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้ทีมงานทุกคนมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และมองเป้าหมายเดียวกันในการที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีรวมถึงต้องให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนในจังหวะที่เหมาะสมตลอดการลงทุน

SET Awards 2021

Best Asset Management Company Award

รางวัลบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนยอดเยี่ยม

 วศิน วณิชย์วรนันต์

 ประธานกรรมการบริหาร

 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด


ด้วยผลงานและความสามารถในการดำเนินงานทางธุรกิจที่โดดเด่นในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด ได้รับคัดเลือกเป็น บลจ.ยอดเยี่ยมแห่งปี โดยสามารถคว้ารางวัล Best Asset Management Company Award 2021 มาครองได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 4 วศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ทุกครั้งที่บริษัทได้รับรางวัลใดๆ จะรู้สึกขอบคุณลูกค้าผู้ลงทุนและทีมงานของบริษัททุกคน เพราะทุกรางวัลล้วนช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดกองทุนรวมของ บลจ.กสิกรไทย ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพของทีมงานที่มุ่งพัฒนากองทุนรวมและบริการด้านการลงทุนเพื่อให้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ สอดรับกับเทรนด์โลก รวมถึงยังสามารถรักษาผลการดำเนินงานของกองทุนให้อยู่ในระดับที่ดีได้อย่างสม่ำเสมอในระยะยาว

 

3 เคล็ด (ไม่) ลับ

บลจ.กสิกรไทย ครองใจผู้ลงทุน

 กองทุนมีความหลากหลาย ตอบทุกไลฟ์สไตล์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย มีความตั้งใจที่จะช่วยผลักดันในอุตสาหกรรมกองทุนรวมของไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน ที่ผ่านมาจึงมุ่งสรรหากองทุนรวมใหม่ๆ ให้สอดรับกับเทรนด์โลก รวมถึงพัฒนาช่องทางการลงทุนผ่านแอปพลิเคชั่น K-My Funds เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มรุ่นใหม่ให้ใช้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น ทีมงานมีความเชี่ยวชาญและประสานเป็นหนึ่งเดียวบลจ.กสิกรไทย มีแผนพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทีมงานทุกคนมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อีกทั้งยังเน้นการทำงานแบบ 2-Way Communication เพื่อให้ทุกฝ่ายมองเห็นเป้าหมายเดียวกัน ทำให้การประสานงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และได้ประสิทธิภาพสูงสุดคำแนะนำการลงทุนที่อัปเดต ทันต่อเหตุการณ์ สถานการณ์โลกในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและล้วนส่งผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุนไม่มากก็น้อย บลจ.กสิกรไทย จึงมองว่า ผู้ลงทุนควรได้รับข่าวสารการลงทุนที่อัปเดต รวมถึงคำแนะนำที่ทันต่อเหตุการณ์ เพื่อนำไปปรับใช้ในการบริหารพอร์ตการลงทุนของตนเอง

ไม่มีใครอยากได้แค่กองทุนรวม ทุกคนอยากได้ผลลัพธ์ของกองทุนรวมมากกว่า แต่ผลลัพธ์ที่ดีก็ต้องมาจากศักยภาพการบริหารจัดการที่ดีด้วยเช่นกัน ดังนั้น บลจ.กสิกรไทย จึงสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้ทีมงานทุกคนมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และมองเป้าหมายเดียวกันในการที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดี รวมถึงต้องให้ข้อมูลแก่นักลงทุนในจังหวะที่เหมาะสมตลอดการลงทุน” 

นอกจาก 3 เคล็ด (ไม่) ลับที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว วศินเสริมว่า อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องมีควบคู่กันคือความเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวพนักงานในองค์กรว่าทีมงานทุกคนสามารถมีแนวคิดที่หลากหลายและแตกต่างได้ ซึ่งแนวคิดต่างๆ ที่ทีมงานทุกคนปรึกษาหารือกันนั้นมีจุดมุ่งหมายไปในทิศทางเดียวกัน ภายใต้เป้าหมายที่ต้องการสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ลงทุน ทำให้ บลจ.กสิกรไทยประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุนเสมอมา

 

ESG เมกะเทรนด์มาแรง

เพื่ออนาคตแห่งความยั่งยืน

สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมกองทุนรวมไทยปี 2565วศินมีมุมมองว่า จะเติบโตใกล้เคียงกับ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขยายตัว 4% ต่อปี เมื่อเทียบกับ 5 ปีที่ผ่านมา เติบโต 6-7% ต่อปี โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แม้เผชิญสภาวะแวดล้อมที่ผันผวน แต่จะเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมกองทุนรวมยังขยายตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่าผู้ลงทุนสนใจลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงการลงทุนผ่านกองทุนรวมต่างประเทศมากขึ้น และสามารถสร้างผลตอบแทนได้ค่อนข้างดีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เช่นเดียวกับที่การแข่งขันในอุตสาหกรรมกองทุนรวมมีมากขึ้น ทั้งในเรื่องจำนวนกองทุนในตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายที่เปิดกว้างมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาสอดรับกับการพัฒนาของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ในปัจจุบันมีแพลตฟอร์มให้เลือกใช้กันมากมายซึ่งก็ตอบรับความต้องการใหม่ๆ ของผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ วศินมีมุมมองว่า ปัจจุบันความสนใจในการลงทุนที่เน้นด้าน ESG มีมากขึ้นและเป็นเมกะเทรนด์ที่ควรจับตาเป็นอย่างยิ่งในประเทศไทยเองก็มีหลายองค์กรได้ยกระดับการทำธุรกิจโดยคำนึงถึง ESG มาเป็นปัจจัยหลักในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น อย่างไรก็ดี กองทุนรวมที่มีการบวกธีม ESG เข้าไปไม่ได้ทำให้ผลตอบแทนด้อยลงกว่าเมื่อเทียบกับกองทุนรวมทั่วไป และยังมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น เนื่องจากสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ทั้งการระบาดของโควิด-19 และปัญหามลพิษต่างๆ ทำให้เกิดกระแสของความตระหนักในเรื่องนี้อย่างจริงจัง สู่การแก้ไขและเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันมีเม็ดเงินลงทุนในกองทุนกลุ่ม ESG ทั่วโลกสูงถึงประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์

สำหรับ KAsset มีการนำหลักปฏิบัติ Investment Governance Code ที่ริเริ่มโดยสำนักงาน ก.ล.ต. สำหรับผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ มาเป็นหลักปฏิบัติในการลงทุนที่มีธรรมาภิบาลตั้งแต่ปี 2560 และล่าสุดในเดือนธันวาคม 2564 KAsset ได้เข้าร่วมลงนามใน UN PRI หรือ Principles for Responsible Investment ซึ่งเป็นหลักการลงทุนที่รับผิดชอบในระดับสากล ที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติ (UN) โดย KAsset เป็น บลจ.ไทยแห่งแรกที่เข้าร่วมลงนาม

 

เศรษฐกิจโลกปี 65

กับการเผชิญหน้าความผันผวน

ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงนี้ต้องเผชิญแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นสูงในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้ธนาคารกลางหลายแห่งเปลี่ยนมามีท่าทีดำเนินนโยบายทางการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นเพื่อชะลอความร้อนแรงของเงินเฟ้อนี้เอง กดดันให้ Bond Yield ทั่วโลกปรับตัวขึ้นมาอย่างมีนัยตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ของไทยปรับตัวขึ้นจาก 1.9% ณ สิ้นปี 64 มาที่ 2.21% (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ก.พ. 65)

ทิศทางอัตราดอกเบี้ยไทยต่างจากของโลก และคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ตลอดทั้งปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อทั้งปีน่าจะอยู่ในกรอบเงินเฟ้อเป้าหมายของ ธปท.ที่ 1-3% และเศรษฐกิจอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยปีหน้ากว่าจะกลับมาฟิ้นตัวใกล้เคียงระดับก่อนเกิดโควิด-19 อย่างไรก็ดี บลจ.กสิกรไทย มองว่า ความผันผวนในตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศจะสูงกว่าของในประเทศ เนื่องจากไทยยังไม่มีแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ทำให้ ธปท. ต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย”

นอกจากนี้ ยังมีสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อเงินเฟ้อและเศรษฐกิจโลกโดยรวม อย่างไรก็ดี การเจรจากันระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่เบลารุส หลายฝ่ายมองว่าอาจช่วยลดความตึงเครียดของสถานการณ์ได้บ้าง ซึ่งอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ดีขึ้นในเร็วๆ นี้


คำแนะนำผู้ลงทุน

แม้ว่าความผันผวนจะยังมีสูง แต่ก็เป็นจังหวะซื้อเมื่อตลาดย่อตัวสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง โดยผลกระทบต่อฝั่งเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม จะมีน้อยกว่าภูมิภาคอื่นๆ แนะนำ K-CHINA, K-JP และ K-VIETNAM นอกจากนี้ยังมีกองทุนหุ้น กลุ่ม ESG ทั่วโลก ได้แก่ K-CHANGE และ K-CLIMATE

สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย แนะนำกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นอย่าง K-SFPLUS และกองทุนตราสารหนี้ระยะปานกลางถึงยาวอย่าง K-FIXED และ K-CBOND