THE GURU • CRYPTOCURRENCY

การคว่ำบาตร Tornado Cash... การเชือดไก่ให้ลิงดูของรัฐบาลสหรัฐฯ

บทความโดย: ปรมินทร์ อินโสม

เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้เกิดประเด็นร้อนแรงในโลกคริปโทเคอร์เรนซีอีกครั้ง ซึ่งประเด็นนี้มีมุมมองที่น่าสนใจเพราะมันเชื่อมโยงทั้งเรื่องของคริปโทฯ การเงิน และเทคโนโลยีบล็อกเชน ประเด็นที่ว่านี้คือ  สองหน่วยงานใหญ่ของสหรัฐ คือ OFAC (U.S. Office of Foreign Assets Control) ประกาศคว่ำบาตร Tornado Cash Mixer และกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ออกประกาศห้ามประชาชนสหรัฐฯ ใช้โปรโตคอลนี้ เนื่องจากเป็นภัยคุกคามทางความมั่นคงของชาติและยังเป็นแหล่งฟอกเงินผิดกฎหมาย

Tornado Cash Mixer คืออะไร และทำไมเหตุการณ์ถึงร้ายแรงถึงขั้นที่รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องแบนและนับเป็นภัยคุกคามระดับชาติ

แพลตฟอร์ม Tornado Cash ได้พัฒนาการบริการหนึ่งที่เรียกว่า Mixer บนบล็อกเชน Ethereum จุดประสงค์หลักคือ เพื่อการทำธุรกรรมโอนหรือย้ายคริปโทฯ แบบปกปิดข้อมูลการทำธุรกรรมทุกรายการที่เกิดบนบล็อกเชน ซึ่งแตกต่างจากการทำธุรกรรมปกติที่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของผู้โอนและปลายทางผู้รับได้ ซึ่งรูปแบบดังกล่าวมันทำให้ Tornado Cash ขัดกับจุดประสงค์ของผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม Tornado Cash ที่อธิบายว่าบริการนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรักษาข้อมูลความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานสูงสุด

โดยเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม โปรแกรมเมอร์วัย 29 ปี ได้ถูกตำรวจกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ จับกุมในข้อหาฟอกเงินผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าว นอกจากนี้ ยังถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นนักพัฒนาและผู้ร่วมก่อตั้งแพลตฟอร์ม Tornado Cash จึงเป็นสาเหตุที่ของการถูกแบนและคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกา

ในฐานะผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลและการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน ผมมองว่าการกระทำจากสหรัฐฯ ครั้งนี้เปรียบเสมือน “การเชือดไก่ให้ลิงดู” ที่รัฐบาลสหรัฐฯ อาจจะต้องการตรวจสอบว่าจะมีผู้ต่อต้านมากน้อยแค่ไหนในเรื่องของ Decentralized หรือมีมุมมองต่อสินทรัพย์ดิจิทัลว่าเป็นดั่งอาวุธสงคราม และหากเราก้าวข้ามผ่านไม่ได้ อนาคตของ Decentralized Finance ก็จะไม่ Decentralized อย่างแท้จริง เพราะต้องอยู่ใต้การกำกับดูแลจากรัฐบาลทั่วโลก

อันที่จริง เทคโนโลยีนี้ก็ไม่ได้มีเพียงแค่แง่ร้าย ในแง่ดีก็มี ตัวอย่างเช่น การที่มีผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม Tornado Cash Mixer โอน คริปโทฯ ช่วยประชาชนกลุ่มหนึ่งในยูเครนยามวิกฤตสงคราม และอีกข้อเท็จจริงแพลตฟอร์มบริการนี้ก็ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่แต่อย่างใด เป็นเพียงการนำมาผสมรวมกับเทคโนโลยีบน Smart Contract ไม่ได้มีการลบประวัติการทำธุรกรรมออกไปจนตรวจสอบไม่ได้เลยเพียงแค่ปกปิดข้อมูลผู้รับปลายทาง ซึ่งเป็นเงื่อนไขของ Ethereum อยู่แล้ว โอกาสค่อนข้างน้อยมากที่จะตรวจเจอข้อมูลปลายทาง 

อยากให้ช่วงเวลานี้เป็นการพิสูจน์ของเทคโนโลยีบล็อกเชนเช่นกันว่าจริง ๆ มันสามารถเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการเงินโลก ไม่ใช่ช่องโหว่การกระทำผิดกฎหมายหรือเป็นอาวุธสงครามไฮเทคในสายตาของรัฐบาล

เกี่ยวกับนักเขียน

ปรมินทร์ อินโสม ปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง สตางค์ คอร์ปอเรชั่นจำกัด ผู้ให้บริการเว็บเทรด Satang Pro

อ่านบทความทั้งหมดของนักเขียน