WEALTH • MUTUAL FUND

5 วิธีคัดเลือก ETF ให้เหมาะกับสไตล์การลงทุน

Exchange-traded fund หรือ ETF ตัวแรกถือกำเนิดครั้งแรกที่สหรัฐในปี 1993 โดยลงทุนอ้างอิงดัชนี S&P 500 พอได้รับความนิยมก็มี ETF ที่อิงดัชนีของ Dow Jones และ NASDAQ ตามมา 

การลงทุนใน ETF เป็นการลงทุนที่ไม่ต้องใช้เงินมาก ซึ่งปัจจุบันนักลงทุนไทยนิยมไปลงทุนในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนผ่าน ETF เนื่องจากมีจำนวนที่มาก และมีความหลากหลาย ด้วยปริมาณที่มหาศาลทำให้ต้องมีการคัดกรอง จำกัดให้ได้ ETF ที่ตอบโจทย์แผนการลงทุนของแต่ละคน

สำหรับนักลงทุน การซื้อ ETF เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ชาญฉลาด ใช้เงินน้อยได้แต่มีประสิทธิภาพ แต่ด้วย ETF ในตลาดมีจำนวนมหาศาล การเลือก ETF ที่เหมาะกับเป้าหมายและตรงกลยุทธ์จึงเป้นเรื่องยาก เป็นเรื่องดีที่การเลือก ETF นั้นมีเครื่องมือช่วยเหลือมากมาย ให้ได้มาซึ่งกอง ETF ที่ตรงตามความต้องการมากที่สุด

มีคำแนะนำจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ฟิลลิป (ประเทศไทย ) เกี่ยวกับวิธีการเลือก ETF ให้เข้ากับแผนลงทุน

1. พิจารณาขนาดของกองทุน : ขนาดของ ETF โดยมากมีมูลค่าสินทรัพย์เกิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากเป็นไปได้ให้เลือกที่มีมูลค่าเกิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะมีศักยภาพในการทำกำไร แม้เป็นช่วงตลาดผันผวน

2. การซื้อขายต่อวัน : ปริมาณการซื้อขายต่อวันแสดงถึงสภาพคล่องของ ETF ตัวนั้น ซึ่งจะส่งผลดีในเวลาที่ต้องการ Cut Loss อีกด้วย

3. ดัชนีและสินทรัพย์ที่อ้างอิง : ใช้เป็นพื้นฐานเพื่อกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ ETF ที่อิงดัชนีที่มีชื่อเสียง จะสามารถหาข้อมูลต่าง ๆ เช่น ประเภทสินทรัพย์ ได้ง่าย

4. ดู Performance : ETF จะเน้นลงทุนในสินทรัพย์ให้ได้ผลใกล้เคียงกับดัชนีที่อ้างอิงมากที่สุด แม้จะไม่สามารถทำได้เสมอไป แต่ ETF ที่มีค่า tracking error ต่ำ (ไม่ห่างจากค่า Benchmark มาก) ก็เหมาะกับการลงทุนมากกว่า

5. การวางตำแหน่งในตลาด : เวลาบริษัทใดจะจดทะเบียน ETF ที่อิงสินทรัพย์หรือดัชนีเฉพาะทาง อาจเป็นการสร้างความสนใจให้นักลงทุนเพื่อรวบรวมเงินเท่านั้น สุดท้ายก็จะไปลงทุนแบบที่ ETF ทั่วไปก็ได้ 

ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนสำคัญในการเลือกซื้อ ETF และไม่ว่าจะเลือก ETF แบบไหน นักลงทุนก็ควรกำหนดจุดที่ต้องทำกำไรหรือจุด Cut Loss เสมอด้วย